ในโลกของการตลาดที่เต็มไปด้วยการแข่งขันในปัจจุบัน การเข้าใจและใช้หลักการ STP (Segmentation, Targeting, Positioning) เป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจ SME (Small and Medium Enterprises) สามารถทำตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น หลักการ STP จะช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้าได้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขัน ต่อไปนี้คือการอธิบายแต่ละขั้นตอนของหลักการ STP ที่ผู้ประกอบการ SMEs ควรรู้:
1. Segmentation (การแบ่งกลุ่มตลาด)
การแบ่งกลุ่มตลาดหมายถึงการแยกตลาดใหญ่ๆ ออกเป็นกลุ่มเล็กๆ ที่มีความต้องการหรือพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน ขั้นตอนนี้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจว่าลูกค้าในแต่ละกลุ่มมีความต้องการและพฤติกรรมอย่างไร การแบ่งกลุ่มตลาดสามารถทำได้หลายวิธี เช่น:
- การแบ่งตามภูมิศาสตร์: แบ่งกลุ่มลูกค้าตามที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ เช่น ประเทศ, ภูมิภาค, หรือเมือง
- การแบ่งตามประชากรศาสตร์: แบ่งตามลักษณะประชากร เช่น อายุ, เพศ, รายได้, ระดับการศึกษา
- การแบ่งตามพฤติกรรม: แบ่งตามพฤติกรรมการซื้อหรือการใช้ผลิตภัณฑ์ เช่น ความถี่ในการซื้อ, การตอบสนองต่อการตลาด
- การแบ่งตามจิตวิทยา: แบ่งตามค่านิยม, บุคลิกภาพ, หรือไลฟ์สไตล์
2. Targeting (การเลือกกลุ่มเป้าหมาย)
หลังจากการแบ่งกลุ่มตลาดเสร็จสิ้น ขั้นตอนถัดไปคือการเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ธุรกิจต้องการมุ่งเน้น การเลือกกลุ่มเป้าหมายหมายถึงการตัดสินใจว่า จะมุ่งเน้นไปที่กลุ่มไหนเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มนั้นได้ดีที่สุด การเลือกกลุ่มเป้าหมายควรพิจารณาจาก:
- ขนาดและศักยภาพของกลุ่มเป้าหมาย: กลุ่มที่มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพในการซื้อที่สูงจะมีความน่าสนใจมากขึ้น
- การแข่งขันในกลุ่มนั้น: กลุ่มที่มีการแข่งขันสูงอาจต้องใช้กลยุทธ์ที่มีความแตกต่าง
- ความเข้ากันได้กับทรัพยากรของธุรกิจ: ธุรกิจควรเลือกกลุ่มที่สามารถตอบสนองได้ตามทรัพยากรที่มี
3. Positioning (การกำหนดตำแหน่งในตลาด)
การกำหนดตำแหน่งในตลาดหมายถึงการวางแผนและสร้างภาพลักษณ์ที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจในใจของลูกค้า เป้าหมายของการกำหนดตำแหน่งคือการสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งและทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของธุรกิจมีคุณค่าและเหมาะสมกับความต้องการของพวกเขา การกำหนดตำแหน่งสามารถทำได้โดย:
- การสร้างข้อเสนอที่แตกต่าง: ระบุสิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณแตกต่างจากคู่แข่ง
- การสื่อสารคุณค่า: ใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพเพื่อสื่อสารคุณค่าและประโยชน์ของผลิตภัณฑ์
- การพัฒนาแบรนด์: สร้างและพัฒนาแบรนด์ที่แข็งแกร่งและมีความหมายต่อลูกค้า
